Jonathan Ive (ตอนที่ 1) ด้านสว่างแห่งวงการออกแบบ ที่พา Ive ไปสู่ Apple - DSUN 20

Ep นี้เราได้รับการสนับสนุนจาก โรงเรียนสอนศิลปะเด็ก

Journey Kid Art School

ที่นำเอาหลักสูตร Design and Technology (DT) จาก British Curriculum มาสร้างคอร์สศิลปะสำหรับเด็ก

🎨✨ ปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์ในตัวลูกน้อย! ✨🎨
เปิดรับสมัครแล้ววันนี้! คลาสศิลปะสำหรับเด็ก ที่เน้นให้เด็ก "ได้คิดเอง ทำเอง" เสริมทักษะการออกแบบและสร้างสรรค์แบบคอร์ส D&T (Design & Technology) จากอังกฤษ!

🧠 เด็กๆ จะได้:
✅ ฝึกคิดอย่างเป็นระบบ
✅ ใช้มือสร้างสรรค์ผลงานของตนเอง
✅ พัฒนาทักษะศิลปะ + การออกแบบ
✅ เสริมความมั่นใจและจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด

คลาสของเรามีบรรยากาศสนุกสนาน เป็นกันเองเหมาะกับเด็กๆ อายุ 5–12 ปี ที่อยากลองทำศิลปะ

ในแบบที่ ไม่ใช่แค่การวาดรูปหรือใช้คอมพิวเตอร์ แต่คือการ “ออกแบบ+ทดลอง+ลงมือสร้างจริง” 💡✂️🖍️

📍 มาเปิดโลกความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกหลานของคุณได้แล้ววันนี้!

📌 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสอบถามได้ที่:
🌐 เว็บไซต์: www.journeykidsartschool.com
📘 เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/JourneyKidsArtSchool หรือเซิร์จ Journey Kids Art School ใน Facebook
📍 สถานที่เรียน: Google Map Yannawa rd. ถนนยานนาวาตัดใหม่ สาธุประดิษฐ์ ชั้น2 ในติดมันส์พระรามสาม

📞 065 451 5156 รีบจองที่นั่งก่อนเต็มนะคะ — คลาสเล็ก ดูแลทั่วถึง 😊

👇 ตัวอย่างจากคอร์ส Character Design ที่ให้เด็กได้รู้จักนำเอาเทคโนโลยี 3 มิติมาต่อยอดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ให้กลายเป็นของจริง! พร้อมทั้งทำ Packaging ด้วยตัวเอง 🐢

_________________________________

Before Apple: ถอดรหัส "กระบวนการออกแบบ" ที่สร้าง Jony Ive สู่ปรมาจารย์แห่ง Product Design

Jony Ive: เจาะลึกกระบวนการออกแบบ (Design Process) และการสร้างต้นแบบ (Prototyping) ที่หล่อหลอมอัจฉริยะแห่ง Apple

ทุกคนรู้จักผลงานของ โจนาธาน "โจนี่" ไอฟ์ ที่ Apple แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจถึง "กระบวนการ" และ "สภาพแวดล้อม" ที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Designer) ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคของเรา ความสำเร็จของเขาไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของรากฐานการศึกษา, ปรัชญาการทำงาน, และความหลงใหลในการลงมือทำที่ถูกปลูกฝังมาอย่างยาวนาน

ที่ Class A Solution เราเชื่อว่าเบื้องหลังทุกผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม คือกระบวนการที่เข้มข้นและมีแบบแผน บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงรากฐานที่สร้างโจนี่ ไอฟ์ เพื่อถอดบทเรียนที่ทุกธุรกิจและนักพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถนำไปปรับใช้ได้

1. จุดเริ่มต้นที่ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่คือ "การปลูกฝัง": บทเรียนจากเวิร์กช็อปของคุณพ่อ

โจนี่ ไอฟ์ เติบโตในครอบครัวของ "เมกเกอร์" คุณพ่อของเขาเป็นช่างเงินและนักการศึกษาผู้มอบบทเรียนที่ล้ำค่าที่สุด นั่นคือกฎเหล็กของการเข้าเวิร์กช็อป: "ก่อนจะสร้างอะไร ต้องออกแบบมันขึ้นมาก่อน"

นี่ไม่ใช่แค่การสอนให้วาดรูป แต่เป็นการปลูกฝัง กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ตั้งแต่รากฐาน:

* Define: คุณจะสร้างอะไร?

* Ideate: มันควรจะมีหน้าตาและการทำงานอย่างไร?

* Prototype: ร่างแบบและวางแผนการสร้าง

* Test: ลงมือสร้างมันขึ้นมา

กระบวนการนี้สอนให้เขาเข้าใจความเชื่อมโยงที่แยกไม่ออกระหว่าง "จินตนาการ" และ "ความเป็นจริงทางกายภาพ" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบอุตสาหกรรม (Industrial Design)

2. การศึกษาที่เชื่อม "ความคิด" กับ "การลงมือทำ": หลักสูตร Design and Technology (DT)

คุณพ่อของโจนี่ ไอฟ์ คือหนึ่งในผู้บุกเบิกหลักสูตร "Design and Technology (DT)" ในระบบการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งเป็นการปฏิวัติแนวคิดที่เคยแยก "สายวิชาการ" (การคิด) ออกจาก "สายอาชีพ" (การลงมือทำ) อย่างสิ้นเชิง

หลักสูตร DT บังคับให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านโปรเจกต์ที่ต้องลงมือทำจริง ตั้งแต่การออกแบบกล่องดินสอ ไปจนถึงโจทย์ที่ซับซ้อนอย่างการออกแบบโคมไฟสำหรับเมืองที่ไฟฟ้าเข้าถึงจำกัด การศึกษาเช่นนี้ได้มอบทักษะสำคัญให้โจนี่:

* ความเข้าใจในวัสดุ: เขารู้ว่าวัสดุแต่ละชนิดมีข้อจำกัดและศักยภาพอย่างไร การออกแบบบนหน้าจอกับการสัมผัสวัสดุจริงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

* ทักษะการแก้ปัญหา: ทุกโปรเจกต์คือการฝึกฝนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การหาข้อมูล, การทดลอง, ไปจนถึงการสร้างชิ้นงานที่ใช้งานได้จริง

3. หัวใจของกระบวนการ: "สุสานโฟม" และพลังของการสร้างต้นแบบ (Prototyping)

เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของโจนี่ ไอฟ์ คือความหลงใหลในการทำ "ม็อกอัพ" (Mock-up) หรือต้นแบบทางกายภาพ เพื่อนๆ ของเขามักเรียกห้องทำงานของเขาว่าเป็น "สุสานโฟม" (Foam Graveyard) เพราะมันเต็มไปด้วยต้นแบบโฟมของผลิตภัณฑ์เดียวกันนับไม่ถ้วน ที่แต่ละชิ้นมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย

นี่คือหัวใจของกระบวนการทำงานของเขา:

* การออกแบบในมิติที่ 4: เขาไม่ได้ออกแบบแค่รูปทรง 3 มิติ แต่กำลังออกแบบใน มิติที่ 4 คือ "เวลา" และ "ประสบการณ์" เขาต้องการรู้ว่า "เมื่อผู้ใช้ถือผลิตภัณฑ์นี้ ความรู้สึกจะเป็นอย่างไร?", "นิ้วโป้งจะวางอยู่ที่ตำแหน่งไหน?", "การกดปุ่มนี้ให้ความรู้สึกที่ดีหรือไม่?" คำถามเหล่านี้ไม่สามารถตอบได้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์

* การทดสอบสมมติฐานอย่างรวดเร็ว (Rapid Iterative Prototyping): ต้นแบบแต่ละชิ้นคือการทดสอบสมมติฐานเล็กๆ ทีละข้อ การสร้างต้นแบบจำนวนมากทำให้เขาสามารถปรับปรุงและพัฒนาดีไซน์ไปสู่จุดที่สมบูรณ์แบบที่สุดได้อย่างรวดเร็ว

บทเรียนสำหรับธุรกิจโดย Class A Solution: ความลับของผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมมักถูกค้นพบผ่านการสร้างต้นแบบทางกายภาพ ที่ Class A Solution เราให้บริการ Rapid Prototyping เพราะเราเชื่อว่าการทดลองที่จับต้องได้ คือหนทางที่เร็วที่สุดในการเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้หลงรัก

4. บทเรียนจากโลกธุรกิจ: ความท้าทายใน Design Studio

ก่อนจะถึง Apple โจนี่ ไอฟ์ ได้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอออกแบบชื่อ Tangerine ประสบการณ์ที่นี่ได้สอนบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับโลกธุรกิจให้แก่เขา:

* ความสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์และธุรกิจ: เขาได้เรียนรู้ความจริงของวงการที่ปรึกษาด้านการออกแบบ ที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างโปรเจกต์จากลูกค้ารายใหญ่ (ที่มักมีงบสูงแต่เป็นงานคอนเซ็ปต์ที่ไม่ได้ผลิตจริง) กับลูกค้ารายเล็ก (ที่งบน้อยแต่งานได้ผลิตจริงและสร้างพอร์ตโฟลิโอ)

* การออกแบบเพื่อการผลิต (Design for Manufacturability - DFM): โปรเจกต์ออกแบบสุขภัณฑ์ชิ้นแรกๆ ของเขากับลูกค้า Ideal Standard ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะถึงแม้คอนเซ็ปต์จะสวยงาม แต่กลับผลิตได้ยากและมีต้นทุนสูงเกินไป นี่คือบทเรียนราคาแพงที่สอนให้เขารู้ว่า ดีไซน์ที่ยอดเยี่ยมต้องเป็นดีไซน์ที่สามารถผลิตได้จริงในเชิงพาณิชย์

บทสรุป: ส่วนผสมที่สร้างอัจฉริยะ

ความสำเร็จของ โจนี่ ไอฟ์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากส่วนผสมที่ลงตัวของ:

* การปลูกฝังกระบวนการคิดเชิงออกแบบ ตั้งแต่วัยเยาว์

* การศึกษาที่เน้นการลงมือทำ และความเข้าใจในวัสดุ

* ความหลงใหลในการสร้างต้นแบบ เพื่อทดสอบและพัฒนาประสบการณ์

* บทเรียนจากโลกธุรกิจ ที่สอนให้เข้าใจความสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์และความเป็นจริงในเชิงพาณิชย์

ที่ Class A Solution เรานำหลักการเหล่านี้มาปรับใช้ในทุกโปรเจกต์ เราเชื่อมั่นในกระบวนการที่เข้มข้น การสร้างต้นแบบที่จับต้องได้ และการออกแบบที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานและเป้าหมายทางธุรกิจ เพื่อเปลี่ยนไอเดียที่ยอดเยี่ยมให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

Previous
Previous

Jonathan Ive (ตอนที่ 2) เริ่มงานกับ Apple - DSUN 21

Next
Next

James Dyson (ตอนที่ 4) ตอนจบจริงๆละนะ - DSUN 19